วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประวัติ ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง

เมื่อสมัยอยุธยา เริ่มมี การเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับต่างประเทศทั้งชาติตะวันออกและตะวันตก ไทยเรายิ่งรับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่างๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ เครื่องมือเครื่องใช้ วัตถุดิบที่หาได้ ตลอดจนนิสัยการบริโภคของคนไทยเอง จนบางทีคนรุ่นหลังแทบจะแยกไม่ออกเลยว่า อะไรคือขนมไทยแท้ๆ อะไรที่เรายืมเค้ามา เช่น ทองหยิบ ทองหยอดและฝอยทอง หลายท่านอาจคิดว่าเป็นของไทยแท้ๆ แต่ความจริงแล้วมีต้นกำเนิดจากประเทศโปรตุเกส โดย “มารี กีมาร์” หรือ “ท้าวทองกีบม้า”  “ท้าวทองกีบม้า” หรือ “มารี กีมาร์” เกิดเมื่อ พ.ศ. 2201 หรือ พ.ศ. 2202 แต่บางแห่งก็ว่า พ.ศ. 2209 โดยยึดหลักจากการแต่งงานของเธอที่มีขึ้นในปี พ.ศ. 2225 และขณะนั้น มารี กีมาร์ มีอายุเพียง 16 ปี บิดาชื่อ “ฟานิก (Phanick)” เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมแขกเบงกอล ผู้เคร่งศาสนา ส่วนมารดาชื่อ “อุรสุลา ยามาดา (Ursula Yamada)” ซึ่งมีเชื่อสายญี่ปุ่นผสมโปรตุเกส ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในอยุธยา ภายหลังจากพวกซามูไรชุดแรกจะเดินทางเข้ามาเป็นทหารอาสา ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไม่นานนัก
ชีวิตช่วงหนึ่งของ “ท้าวทองกีบม้า” ได้เข้าไปรับราชการในพระราชวังตำแหน่ง “หัวหน้าห้องเครื่องต้น” ดูแลเครื่องเงินเครื่องทองของหลวง เป็นหัวหน้าเก็บพระภูษาฉลองพระองค์ และเก็บผลไม้ของเสวย มีพนักงานอยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นหญิงล้วน จำนวน 2,000 คน ซึ่งเธอก็ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ชื่นชม ยกย่อง มีเงินคืนทองพระคลังปีละมากๆ ระหว่างที่รับราชการนี่เอง มารี กีมาร์ ได้สอนการทำขนมหวานจำพวก ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง ทองพลุ ทองโปร่ง ขนมผิงและอื่นๆ ให้แก่ผู้ทำงานอยู่กับเธอและสาวๆ เหล่านั้น ได้นำมาถ่ายทอดต่อมายังแต่ละครอบครัวกระจายไปในหมู่คนไทยมาจนปัจจุบันนี้
ถึงแม้ว่า “มารี กีมาร์” หรือ “ท้าวทองกีบม้า” จะมีชาติกำเนิดเป็นชาวต่างชาติ แต่เธอก็เกิด เติบโต มีชีวิตอยูในเมืองไทยจวบจนหมดสิ้นอายุขัย นอกจากนั้น ยังได้ทิ้งสิ่งที่เธอค้นคิดให้เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนรุ่นหลัง ได้กล่าวขวัญถึงด้วยความภาคภูมิ “ท้าวทองกีบม้า เจ้าตำรับอาหารไทย”
ทองหยิบ
ทองหยิบ เป็นขนมโบราณที่อยู่ในชุดของขนมที่ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ เช่นกันเพราะขึ้น ต้นด้วยทองซึ่งมีลักษณะและสีคล้ายกัน ทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ดังนั้น เมื่อนำมาใช้ในพิธีจะใช้เป็นชุดทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะถือเคล็ดที่ชื่อขนมขึ้นต้นด้วยทอง แล้ว ยังถือเคล็ดชื่อต่อท้ายคือหยิบ ซึ่งหมายถึง หยิบเงิน หยิบทองอันจะนำไปสู่ความ ร่ำรวยต่อไป
ทองหยอด
ทองหยอดเป็นขนมโบราณชนิดหนึ่งซึ่งท่านผู้หญิงวิชเยนทร์ หรือนามเดิม มารี นินยา เดอ กีย์มาร์ เชื้อสายญี่ปุ่น – โปรตุเกส ภรรยาเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (นามเดิมคอนสแตน ติน ฟอลคอลชาวกรีก) ท่านผู้หญิงวิชเยนทร์ มีตำแหน่งเป็นท้าวทองกีบม้า เป็นตำแหน่ง ผู้ปรุงอาหารหลวงโดยท่านได้นำเอาความรู้ที่มีมาแต่เดิมผสมผสานกับความรู้ท้องถิ่น  
ปรุงแต่งอาหารขึ้นใหม่ จนเป็นที่รู้จัก คือ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง (เดิมชาวโปรตุเกส กินกับเนื้อย่างเป็นอาหารคาว)นับเป็นขนมชั้นดี ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ ซึ่งคนไทยเรายังถือ เคล็ดกันอยู่จึงใช้ขนมที่ขึ้นต้นด้วยทอง เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลตามชื่อขนม

ฝอยทอง

ลักษณะเป็นเส้นฝอยๆ สีทอง ทำจากไข่แดงของไข่เป็ด เคี่ยวในน้ำเดือดและน้ำตาลทราย ชาวโปรตุเกส ใช้รับประทานกับขนมปัง กับอาหารมื้อหลักจำพวกเนื้อสัตว์และใช้รับประทานกับขนมเค้ก โดยมีกำเนิดจากเมืองอาไวโร่เมืองชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโปรตุเกส





แหล่งอ้างอิง : http://khanomfoithong.blogspot.com/2013/01/blog-post_14.html
                     : http://youyouol.wordpress.com/

วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ถ้ำพระนาง



       หาดถ้ำพระนาง อยู่ในเขต ต.อ่าวนาง จะกระบี่  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในโปรแรกมท่องเที่ยว ทัวร์ สี่ เกาะ เกาะปอดะ เกาะทับ(ทะเลแหวก) เกาะไก่ และ หาดถ้ำพระนาง ที่นี่คือ 1 ใน ไฮไลท์แหล่งท่องเทียวทางทะเลของกระบี่ มุมอัศจรรย์มุมนี้ต้อง เดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาด อันเป็นที่ตั้งของ ถ้ำพระนาง ด้วยเป็นที่สถิตของ พระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็นปากโพรงถ้ำ มีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้า สวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงรายในยามพระอาทิตย์ตก จะเป็นมุมมองสวยงามแปลกตา น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่ง ในเมืองไทย บรรยากาศในช่วงเวลากลางวัน ณ อ่าวถ้ำพระนาง แห่งนี้จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วเรือเมล์มาจากสหกรณ์เรือหางยาวอ่าวนาง ,นักท่องเที่ยวที่ซื้อโปรแกรม ทัวร์ทะเลแหวก หมู่เกาะปอดะ - อ่าวถ้ำพระนางและ นักท่องเที่ยวที่เดินเท้ามาเองจากหาดไร่เลย์ แต่พอถึงช่วงเวลาเย็นเมื่อ นักท่องเที่ยวเหล่านี้เริ่ม ทยอยกัน เดินทางกลับสู่ที่พัก บรรยากาศบริเวณอ่าวถ้ำพระนางก็จะกลับเข้าสู่ความสงบงามอีกครั้ง
       เนื่องจากอ่าวถ้ำพระนางนั้นมีชายหาดซึ่งหันเข้าสู่ทิศตะวันตก ในยามเย็นนักท่องเที่ยวที่พักค้างแรมอยู่ตามรีสอร์ทต่าง ๆ บริเวณ หาดไร่เลย์ อ่าวถ้ำพระนางจึงสามารถมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกบริเวณด้านหน้าอ่าวแห่งนี้ได้ และหากนักท่องเที่ยว เลือกเดิน ทางมาเยือนอ่าวถ้ำพระนางในยามย่ำสนธยาของคืนเดือนมืดที่คลื่นลมทะเลสงบราบเรียบแล้วล่ะก็ นักท่องเที่ยว อาจจะ ได้พบ เห็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์พันลึกที่หาชมได้ยากยิ่ง ณ ท้องทะเลด้านหน้าอ่าวแห่งนี้ด้วย นั่นก็คือปรากฏการณ์ พรายน้ำปรากฏการณ์ “พรายน้ำ” เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวโยนก้อนหิน ก้อนกรวด หรือนำร่างกายลงไป สัมผัส กับพื้นผิวน้ำบริเวณด้านหน้าอ่าวถ้ำพระนางแล้วมีแสงสว่างวาบขึ้นมา ณ จุดสัมผัสชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเลือนหายไป
       นอกจากนี้ ถ้ำพระนาง เป็นศาลของเทพธิดา ล้อมรอบสิ่งของที่ชาวบ้านนำมาแก้บน นั่นคือไม้แกะสลักที่เรียกว่า ปลัดขิก มีขนาดและ สีสันที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับสถานที่ต่างๆในโลก แต่ที่นี่มันความเชื่อของมนุษย์ในจิตวิญญาณความเป็น อยู่ของทุก สิ่งที่เคลื่อน ไหวอย่างเช่น (นก, ปลา,สัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงลูก ด้วยนม,แมลง) รวมทั้งเซื่องซึมเป็น (พืช,หิน,แม่น้ำ,ทะเล,ภูเขา และที่ดินมาก พวกเรายืนอยู่มื่อเรื่องเล่าของชาวบ้านแสดงให้เห็นว่าสมัยก่อน มีเรือพระราช จมนอกชายฝั่งคาบสมุทร และมีพระนาง กับเจ้าหญิง ชาวอินเดียชื่อ ศรีกุลเทวีลอยอยู่บนกระดาน เพราะเธอจมน้ำไปพร้อมกับเรือในทะเลซึ่งเชื่อกันว่า ชีวิตของ เธอไม่เคย สมหวังในเรื่อง ต่างๆ และยังเชือกับว่าวิณญาณของเธอได้สิงสถิดอยู่ที่ศาลแห่งนี้จนถึงบัดนี้ เป็นที่เชื่อกันในหมู่ชาวบ้านที่นี่ ว่าวิญญาณของ พระนาง(เทพธิดา)อยู่ในถ้ำนี้ชาวประมงก่อนที่จะออกไปทะเลจำเป็นที่จะต้องมา ขอพรจากพระนางก่อนแล้วจะ โชคดีและ สมปรารถนาของพวกเขาที่ปรารถนาไว้ และเชื่อว่าสมปรารถนา,การทำพิธี บนจะทำที่ศาลเจ้าส่วนใหญ่จะ เป็นอาหาร และดอกไม้ ธูปเทียนแต่โดยปกติแล้วจิตวิญญาณของ เทพธิดาตามที่เชื่อกันว่าสิ่งที่ ท่านต้องได้รับเป็นสิ่งตอบแทนเป็นพิเศษ คือ ปลัดขิกตอนนี้ คนไทยไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร ไม่ว่าจะศาสนาพุทธหรือศาสนาอิสลามที่มีความเชื่อเรื่องของ ปลัดขิก ที่ศักดิ์สิทธิ์ และหากสร้าง ถวายศาลเจ้า จะเชื่อว่าจะมีความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองของโลกทั้งโลกและมนุษย์ ไม่ว่าที่มาและ ความเชื่อว่าวิญญาณ หญิงสาว ที่มีประสิทธิภาพและเป็นกฎของคาบสมุทรแห่งนี้เป็นที่ชัดเจนโดยการบูชาอย่างต่อเนื่อง ของคน ในท้องถิ่น ถ้ำพระนาง ถือว่ามีความสำคัญทางจิตวิญญาณที่ดีสำหรับพวกเขา ชาวประมงเหล่านั้นที่นับถือศาสนาอิสลามจะบูชา และมีความเชื่อโดย ไม่คำนึงถึง ทางศาสนาของพวกเขา และพวกเขาเชื่อถือว่าเป็นเรื่องจริง เพื่อความเชื่อมั่นว่า โชคชะตาและ ความเจริญรุ่งเรืองของ พวกเขาจะเชื่อมโยงไปยังที่ของเจ้าหญิงในตำนาน พวกเขายังคงให้การเสนอ ขายปกติของข้าว ผลไม้,น้ำ ธูป, ดอกไม้และ ปลัดขิก

สระมรกต




       สระมรกต กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น ในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส เป็นสระน้ำสวยใสกลางใจป่า ที่มีน้ำใสเป็นสีเขียวอมฟ้า เปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลาและสภาพแสง สระมรกตกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น ในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อนลักษณะเป็นสระน้ำร้อน 3 สระ ได้แก่ สระแก้ว สระมรกต และ สระน้ำผุด น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส รอบๆ บริเวณเป็นป่าร่มรื่นเขียวครึ้มมีพรรณไม้ที่น่าสนใจ

       จากที่จอดรถเดินทางเท้าเข้ามาประมาณ 800 เมตร จะถึงตัวสระมรกต หรือจะไปอีกทางที่เป็นเส้นทางศึกษา ธรรมชาติที่มีระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร แต่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะมาบรรจบกันที่สระมรกตที่เดียวกัน แต่แนะนำว่าตอนเดินเข้าไปที่สระให้เดินในเส้นทางปกติ ส่วนขากลับนั้นก็กลับมาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินใน ลักษณะเป็นวงรอบ เส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นป่าเขียวครึ้ม ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ที่น่าสนใจเป็นแหล่งชมนกหายาก เช่น นกแต้วแร้วท้องดำ นกกระเต็นสร้อยคำสีน้ำตาล นกเงือกดำ ฯลฯระหว่างเดินก็จะพบสายน้ำไหล และสระใหญ่ สระเล็กไปตลอดทาง สวยงามมาก

       หลังจากที่เดินชม สระมรกต ก็ไปชมบ่อน้ำผุด ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสระมรกต ลักษณะเป็นตาน้ำสีฟ้าอมน้ำเงิน เป็นสระน้ำแร่ธรรมชาติ ด้วยความมีแร่ธาติอยู่มาก และได้สะท้อนแสงอย่างที่เห็น ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติ เขาพนมเบญจา เป็นแอ่งน้ำตามธรรมชาติขนาดเล็ก มีฟองอากาศที่ผุดขึ้นมาเหนือน้ำตลอดเวลา สันนิษฐานว่า เกิดจากน้ำที่ซึมออกมาจากใต้ดิน ทำให้ที่แห่งนี้มีน้ำตลอดปี และไหลเป็นลำธารสู่ที่ต่างๆ

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-สกุล : เด็กหญิง รัตนนาค  นรังศิยา
ชือเล่น : เนื้อทอง (เพื่อนชอบเรียก ถุงทอง)
อายุ : 14 ปี 3 เดือน 
วัน เดือน ปีเกิด : วัน เสาร์ ที่ 16 เดือน กันยายน พ.ศ. 2543
ภูมิลำเนา : 17/1 ม.1 ถ.กาญจนวิถี ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000
จบจากโรงเรียน : วมินทร์วิทยา (ฮัวเหมิง)
ปัจจุบันศึกษาอยู่โรงเรียน : สุราษฎร์พิทยา
งานอดิเรก : ฟังเพลง อ่านหนังสือ อ่านนิยาย ดูซีรี่ย์
ของสะสมโปรด : ตุ๊กตาหมี แว่นตากันแดด 
วิชาที่ชอบ : คณิตศาสตร์ ภาษาจีน 
อาหารที่ชอบ : สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า 
กีฬาที่ชอบ : แบดมินตัน  วอลเล่ย์บอล  ปิงปอง
การ์ตูนที่ชอบ : One Piece  Doraemon  Scooby Doo
นักร้องที่ชอบ : โจอี้บอย ซานิ  มิ้น มิณฑิตา  illslick 
ดาราที่ชอบ : อาเล็ก ธีรเดช  เก้า สุภัสสรา  ต่อ ธนภพ
สัตว์เลี้ยงตัวโปรด : สุนัข เต่า แมว ไก่
ติดต่อที่ : Facebook : Rattananak  Narangsiya
               Line : Thongmj
               Twitter : Thongmj
               Instagarm : Thongnamo


 

(c)2009 Blog Na'Thong. Based in Wordpress by wpthemesfree Created by Templates for Blogger